ติดตามผลการดำเนินงานสำรวจและจัดเก็บเอกสารโบราณ ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 13-16 มิถุนายน 2560
วันที่ 13-16 มิถุนายน 2560 สำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม โดย กลุ่มหนังสือตัวเขียนและจารึก ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานสำรวจและจัดเก็บเอกสารโบราณ ครั้งที่ 2 เมื่อเดือนมีนาคม 2560 ในการติดตามผลครั้งนี้ ดำเนินการ ณ แหล่งเอกสารโบราณ ที่ได้ดำเนินการสำรวจและลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วใน จังหวัดสระบุรี ลพบุรี และสุพรรณบุรี ตามโครงการเครือข่ายดูแลรักษาเอกสารโบราณ ปีงบประมาณ 2560 ซึ่งได้รับจัดสรรงบประมาณจาก กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สำนักบริหารกลาง กรมศิลปากร
สรุปผลการดำเนินงาน จำนวน 5 แห่ง ดังนี้
1. ติดตามผลการดำเนินการ จำนวน 4 แห่ง
2. สำรวจเอกสารโบราณ ตามแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม จำนวน 1 แห่ง
รายละเอียดการดำเนินการ ดังนี้
1. จังหวัดสระบุรี ติดตามผลการสำรวจ 1 แห่ง ณ วัดท่าช้างเหนือ อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี ถวายบัญชีเอกสารโบราณ ที่ลงทะเบียนและจัดพิมพ์เรียบร้อยแล้ว ให้แก่เจ้าอาวาสวัดท่าช้างเหนือ เพื่อเป็นหลักฐานและเป็นประโยชน์ในการศึกษาในอนาคตต่อไป
2. จังหวัดลพบุรี สำรวจ ดูแลรักษา และลงทะเบียนเอกสารโบราณ ณ วัดตองปุ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี จำนวน 1 แห่ง 81 รายการ และทำความสะอาด อ่านแยกเรื่อง หนังสือสมุดไทย จำนวน 60 รายการ และติดตามแหล่งเอกสารโบราณที่ลงทะเบียนแล้ว จำนวน 1 แห่ง ณ วัดเชิงท่า อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ซึ่งได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดีจากเจ้าอาวาสและชุมชน
3. จังหวัดสุพรรณบุรี กลุ่มหนังสือตัวเขียนและจารึก ได้ร่วมกับหอสมุดแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี เฉลิมพระเกียรติ ติดตามผลการสำรวจ และลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว 2 แห่ง ได้แก่ วัดหน่อพุทธางกรู อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี และวัดทุ่งอุทุมพร อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี พบว่าเอกสารโบราณที่ลงทะเบียนแล้ว ได้รับการดูแลโดยเจ้าอาวาสและชุมชนเป็นอย่างดี
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการดำเนินงานโครงการเครือข่ายดูแลรักษาเอกสารโบราณ ปีงบประมาณ 2560 โดย กลุ่มหนังสือตัวเขียนและจารึก สำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ถือว่าเป็นการสืบทอดองค์ความรู้ ความเข้า ให้เจ้าของเอกสารโบราณและชุมชน ดูแลรักษามรดกทางวัฒนธรรมที่เกิดจากภูมิปัญญา ได้แก่ คำสอนทางพระพุทธศาสนา ตำราเวชศาสตร์ ตำราโหราศาสตร์ วรรณคดี ประวัติศาสตร์ กฎหมาย เป็นต้น ซึ่งนับได้ว่าเป็นการสร้างความรัก ตระหนัก หวงแหน มรดกทางวัฒนธรรมของชุมชนท้องถิ่น และเผยแพร่ให้กว้างขวางในอนาคตต่อไป