เรียบเรียงโดย : นางศิวพร เฉลิมศรี นักภาษาโบราณชำนาญการพิเศษ
คัมภีร์ใบลาน เรื่อง "ตำนานพระบาท" ฉบับลานดิบ อักษรธรรมอีสาน ภาษาไทยอีสาน-บาลี จำนวน ๑ ผูก ๕๖ หน้าลาน ที่ได้มาจากวัดโนนทัน จังหวัดขอนแก่น แม้ไม่ปรากฏนามผู้สร้าง แต่เรื่องราวที่บรรจุอยู่ภายในคือขุมทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่จบสมบูรณ์ในตัวเอง คัมภีร์ผูกนี้ถ่ายทอดเรื่องราวด้วย ร้อยแก้ว ที่สอดแทรกสำนวนโวหารคล้องจองอย่างเป็นเอกลักษณ์ เริ่มต้นด้วยการน้อมนมัสการพระรัตนตรัย ก่อนจะนำเสนอประเด็นหลักคือตามรอยพระบาทของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เสด็จจาริกไปโปรดสรรพสัตว์ทั่วทุกสารทิศ สถานที่สำคัญที่ถูกกล่าวถึงมีมากมาย ตั้งแต่ดอยผา, บ้านเชียงรุ่ง, แม่น้ำแคว (แม่น้ำแก้ว), จนถึงเมืองเขมรัฐ (เชียงตุง) โดยในทุกแห่งที่พระพุทธองค์เสด็จถึง ก็จะทรงประทานพระเกสาธาตุและ ประทับรอยพระบาท ชนิดต่างๆ ไว้เป็นที่สักการบูชาของมนุษย์และเทวดา อาทิ รอยพระบาทคชสาร, รอยพระบาทซ้อน ๔ รอย, รอยพระบาทดงพระย่ำ และรอยพระบาทของดอกไม้
เนื้อหาในตำนานพระบาทนี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเล่า แต่เป็นหลักฐานวรรณกรรมสำคัญที่ยืนยัน คติความเชื่อเรื่องการบูชารอยพระพุทธบาท ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยทวารวดีในประเทศไทย (ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๑–๑๓) และสืบทอดเรื่อยมาจนถึงสมัยสุโขทัยและอยุธยา ตำนานพระบาทฉบับนี้แสดงให้เห็นว่า ชาวพุทธทุกท้องถิ่นเชื่อว่าพระพุทธองค์เสด็จไปทุกหนแห่งเพื่อประกาศศาสนา และรอยพระบาทที่ประทับไว้คือ ตัวแทนอันศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธเจ้าชั่วนิรันดร์ ที่น่าสนใจคือ คัมภีร์นี้ได้ปรับคติความเชื่อสากลเรื่องรอยพระพุทธบาทให้เข้ากับ บริบทพื้นถิ่นอีสาน จนกลายเป็นตำนานท้องถิ่นได้อย่างกลมกลืน นอกจากนี้ คัมภีร์ยังสะท้อนให้เห็นคุณค่าทางสังคม วิถีชีวิต วัฒนธรรม และการใช้ ภาษาไทยอีสานที่เป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งยังเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงถึงความนิยมในการใช้อักษรธรรมอีสาน ซึ่งสงวนไว้สำหรับบันทึกเรื่องราวทางพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะ ซึ่งจากการพิจารณาอายุสมัยของตัวอักษรทำให้เชื่อว่าคัมภีร์ผูกนี้น่าจะมีอายุราว พุทธศตวรรษที่ ๒๔ จึงนับได้ว่า "ตำนานพระบาท" เป็นเอกสารโบราณที่มิได้แค่บันทึกศรัทธา แต่ยังเก็บรักษาประวัติศาสตร์ภาษาและภูมิปัญญาของชาวอีสานไว้ให้เราได้ศึกษาจนถึงปัจจุบัน
บรรณานุกรม
“ตำนานพระบาท.” หอสมุดแห่งชาติ. คัมภีร์ใบลาน. อักษรธรรมอีสาน. ภาษาไทยอีสาน-บาลี. เส้นจาร. ฉบับลานดิบ. พุทธศตวรรษที่ ๒๔. เลขที่ ๓๗.